3.แกงเร่วป่า
“แกงเร่วป่า” เร่วหอม ใช้ ราก
ซึ่งมีกลิ่นหอมเป็นเครื่องเทศปรุงน้ำก๋วยเตี๋ยว แกงเลียง แกงป่า ผัดเผ็ด
และน้ำต้มเนื้อ เหง้ามีกลิ่นหอมและมีน้ำมันหอมระเหยเป็นองค์ประกอบ
รับประทานสดหรือใช้ต้มน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว
เร่วป่า ฤดูเก็บเกี่ยว คือช่วงปลายฤดูร้อน
ประมาณเดือนมีนาคมถึงต้นฤดูฝนเดือนพฤษภาคม ส่วนที่นำมาบริโภคคือลำต้นด้านใน หัว
และยอดอ่อน ได้แก่ แกงเผ็ด แกงป่า เป็นต้น มีคุณค่าทางโภชนาการได้แก่ ใยอาหาร
และโปตัสเซียม มีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพโดยรวม และฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระค่อนข้างต่ำ
|
คุณค่าอาหารทางโภชนาการ
|
แกงเร่วป่า วัตถุดิบที่สำคัญที่ใช้คือ เร่วป่า “เร่ว” เป็นพืชในตระกูลเดียวกับขิง หรือข่า
มีหัวอยู่ใต้ดิน ส่วนที่เราจะนำมาใช้บริโภคหรือทำเป็นอาหาร คือตัวลำต้นอ่อน
ที่โผล่ พ้นดินขึ้นมา ซึ่งก็คล้ายๆ กับต้นข่า ในหลายภูมิภาค
นิยมนำเอาต้นข่าอ่อนมาทำอาหารกินกัน เพราะฉะนั้น ทางภาคตะวันตก
นอกจากจะใช้หัวเร่วแล้ว เขาก็ยังใช้ต้นอ่อนมาทำอาหาร
|
แกงเร่วป่า อาจจะไม่ได้มีคุณค่าทางโภชนาการมากนัก แต่มีประโยชน์คือ
มีใยอาหารค่อนข้างดี ไม่ใช่สารอาหาร แต่เป็นสิ่งที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับ
ซึ่งในข้อกำหนดสารอาหารนี้แนะนำให้บริโภคประจำวันสำหรับคนไทยคือ
ควรบริโภคผักอย่างน้อย วันละ 400 กรัม
ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ในผักและผลไม้มีใยอาหาร
ใยอาหารจะเข้าไปช่วยในเรื่องของการทำความสะอาดของทางเดินอาหารช่วยให้ระบบขับถ่ายของเราเป็นปกติ
ซึ่งก็จะส่งผลให้ไม่มีสารพิษตกค้าง จึงเป็นข้อดีของการบริโภคผัก
ส่วนในเรื่องของการทำแกงป่า ท่านที่รู้จักก็จะทราบว่า แกงเร่วป่า
เป็นแกงที่มีรสชาติจัดจ้านแล้วก็มีเครื่องแกงที่หลากหลาย เช่น มีทั้งพริกชี้ฟ้า
หอมแดง ตะไคร้ กระเทียม พริก พริกพราน ผิวมะกรูด ข่า
และที่สำคัญก็มีกะปิใส่เข้าไปด้วย ซึ่งกะปิ ก็จะเป็นกะปิมอญ
เอกลักษณ์ของภาคตะวันตก นอกจากนี้ก็จะมี ดอกเทียน ซึ่งดอกเทียนของภาคตะวันตก
กับภาคเหนือ จะมีลักษณะคล้ายๆ กัน ก็คือใส่ดอกเทียนเพื่อให้ความหอมในการทำอาหาร
ดอกเทียนนิยมใช้ใน แกงป่าและลาบ ดอกเทียนนับเป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่ง
จึงเห็นได้ว่า ในเรื่องของความหลากหลายของเครื่องเทศและสมุนไพรที่ใส่ลงไปนั้น
จะเป็นตัวที่ทำให้รสชาติในอาหารดี มีกลิ่นหอม นอกจากนั้นในเครื่องเทศก็จะมี
สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพบางอย่าง ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ
อย่างที่เราทราบกันทั่วไป พืชผักสมุนไพรนอกจากจะให้คุณค่าทางโภชนาการแล้ว
ก็ยังให้สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ ซึ่งในหลายๆ ภูมิภาค ก็เอายาสมุนไพรมาเป็นยารักษาโรคด้วย
เพราะฉะนั้นการรับประทานอาหาร ลักษณะที่เป็นพืชสมุนไพร หรือเป็นพืชพื้นบ้านก็ตาม
นอกจากจะให้รสชาติที่ดี มีสุขภาพที่ดีแล้ว
ก็ยังเป็นการช่วยให้เรากินอาหารที่หลากหลาย เพราะว่าการเอาผักพืชบ้านมาทำอาหาร
ช่วยให้เรา หมุนเวียน เปลี่ยนชนิดของผักที่รับประทาน ซึ่งแตกต่างจากคนในเมืองที่บริโภคผักไม่กี่ชนิด
นับเป็นการบริโภคที่ซ้ำซาก ซึ่งจะไม่ดีต่อสุขภาพ นอกจากนั้น พืชผักพื้นบ้านจะไม่มีสารเคมีต่างๆเข้ามาปนเปื้อนสารเคมีก็จะเป็นอันตรายแล้วอาจจะทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ
เช่น ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ เพราะฉะนั้นจึงอยากรณรงค์ให้ทุกท่านบริโภคผักพื้นบ้านต่างๆ
ให้มากขึ้น
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น