ภาคตะวันตก
1.แกงเลียงผักหวานป่า
“แกงเลียงผักหวานป่า”
ผักหวานป่าจัดเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงชนิดหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านแหล่งโปรตีน
วิตามินซี และพลังงาน
นอกจากนี้ยังมีปริมาณเยื่อใยพอสมควรช่วยในการขับถ่ายให้ดีขึ้น
ผักหวานป่าเป็นเครื่องยาไทยจำพวกผักจะใช้ส่วนรากมาทำยา รากมีรสเย็นสรรพคุณ
พบว่าผักหวานป่าจัดเป็นทั้งอาหารและยาประจำฤดูร้อนแก้อาการของธาตุไฟได้ตามแพทย์แผนไทย
ส่วนยอดก็นิยมนำมาปรุงอาหารมี รสหวานกรอบช่วยแก้ร้อนในกระหายน้ำ และ
ระบายความร้อนหรือใช้ปรุงเป็นยาเขียวเพื่อลดไข้ ลดความร้อน
ปัจจุบันพบว่ามีการนำมาพัฒนาเป็นชาผักหวานป่าทำเป็นเครื่องดื่มต้านอนุมูลอิสระ
ส่วนของผักหวานบ้านที่นำมาใช้กินเป็นผัก ก็คือ ใบและยอดอ่อน
โดยใช้เป็นผักจิ้ม ซึ่งต้องลวกให้สุกเสียก่อน หรือนำไปแกง เช่น แกงเลียง
หรือแกงจืด นอกจากนั้นยังนำไปผัด เช่น ผัดน้ำมันหอย ผัดไข่ ใส่ไข่เจียว เป็นต้น
คุณค่าอาหารทางโภชนาการ
ผักหวานป่า เป็นผักที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีรสชาติอร่อย
ส่งผลให้ราคาค่อนข้างสูง แต่อย่างไรก็ตามผักหวานป่าเป็นผักที่มีตามฤดูกาลเท่านั้น
มีความพยายามที่จะขยายพันธุ์ และปลูกในเชิงพาณิชย์ซึ่งในอนาคตเราจะได้มีผักหวานให้บริโภคได้ตลอดทั้งปี
สำหรับแกงเลียงผักหวานป่าของทางภาคตะวันตก จะไม่เหมือนกับแกงเลียงภาคกลาง
เพราะพริกแกงที่ใช้ จะเป็นพริกแกงที่ใช้พริกชี้ฟ้า ไม่ได้ใช้พริกไทย
แล้วก็มีหอมแดง ซึ่งก็เหมือนกับภาคกลาง สำหรับกะปิที่ใช้ในแกงเลียงภาคตะวันตก
จะเป็นกะปิมอญ ซึ่งกะปิมอญจะทำจากปลาตัวเล็กตัวน้อยที่มีตามแม่น้ำลำคลอง
แม้กระทั่งที่จับได้ตามเขื่อนที่มีอยู่ในภาคตะวันตก แล้วก็นำไปหมัก
กะปิมอญจะมีรสชาติไม่เค็มมากเท่ากับกะปิทั่วไป แกงเลียงของภาคตะวันตก
จะใช้ผักชนิดเดียว อย่างเช่น แกงเลียงผักหวานป่า ก็ใช้ผักหวานป่าชนิดเดียว
แล้วก็มีการใช้ปลาส่วนใหญ่อาหารพื้นบ้านมักจะใช้ปลาย่างมากกว่าปลาสด
แต่อย่างไรก็ตาม ก็สามารถใช้ได้ทั้ง 2 อย่าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น